ไทยพาณิชย์แจ้งการได้รับมติอนุมัติเข้าซื้อกิจการ
SICCO
ด้วยการทำคำเสนอซี้อเป็นการทั่วไป เพื่อเพิกถอน SICCO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ตามที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
มีแผนที่จะลดสัดส่วนการลงทุนของธนาคารในบริษัทเงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
(“SICCO”)
จากที่ถืออยู่จำนวน 230,883,188 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 38.65
ของจำนวนหุ้น SICCO ที่ได้จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดลง
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสถาบันการเงินหนึ่งรูปแบบของธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยการดำเนินการที่ธนาคารพิจารณาเห็นว่าเหมาะสมและจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่น
ๆ ของ SICCO น้อยที่สุด คือ การที่ธนาคารเข้าซื้อกิจการของ SICCO
ด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SICCO เป็นการทั่วไป เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ SICCO ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย ที่ราคาเสนอซื้อเท่ากับ 6.89 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้
ก่อนที่ธนาคารจะสามารถดำเนินการทำคำเสนอซื้อ หลักทรัพย์ทั้งหมดของ SICCO เป็นการทั่วไปได้นั้น มีเงื่อนไขที่สำคัญ คือ ธนาคารและ SICCO จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละฝ่ายด้วยคะแนนเสียงตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
รวมถึงการได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลและหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว ธนาคารขอเรียนแจ้งว่า
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทั้งของธนาคารและ SICCO ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่
30 มิถุนายน 2554 ได้มีมติอนุมัติการดำเนินการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้
1)
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของธนาคารลงมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการของ SICCO
ด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SICCO เป็นการทั่วไป เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ SICCO ออกจากการเป็น
หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 84.4413
(ซึ่งเกินกว่าร้อยละ 3 ใน 4
ของจำนวนผู้ถือหุ้นของธนาคารที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง)
2) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ SICCO
ลงมติอนุมัติให้เพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 78.9820 (ซึ่งเกินกว่าร้อยละ 3 ใน 4
ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ SICCO) โดยมีผู้ถือหุ้นคัดค้านเพียงร้อยละ
0.2184ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ SICCO
จากมติอนุมัติดังกล่าวข้างต้น
ธนาคารจะสามารถดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SICCO
เป็นการทั่วไปได้ภายหลังจากได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยคาดว่า จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2554
และจะแล้วเสร็จได้ประมาณเดือนตุลาคม 2554 จากนั้น จึงจะทำการเพิกถอนหลักทรัพย์ SICCO
ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
แล้วจึงดำเนินการเลิกกิจการ และคืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุนของ SICCO
ให้แก่ทางการต่อไป ทั้งนี้ ธนาคารขอเรียนว่า
ธนาคารจะกำหนดมาตรการและแนวทางที่จะช่วยเหลือลูกค้าผู้ที่มีเงินฝากกับ SICCO
ไม่ให้ได้รับความเสียหาย
และจะดูแลพนักงานตลอดจนผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ SICCO ให้ดีที่สุด
ในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด
(มหาชน) (“SSEC”) นั้น ธนาคารขอเรียนว่า
หากภายหลังจาก ที่ธนาคารได้มีการรับซื้อหุ้น SICCO ตามคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ
SICCO เป็นการทั่วไปแล้ว
ส่งผลให้ธนาคารมีสัดส่วนการถือหุ้นใน SICCO เพิ่มเป็นมากกว่าร้อยละ
50 ขึ้นไปของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SICCO ตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการ
ก.ล.ต. ที่เกี่ยวข้อง ธนาคารมีหน้าที่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SSEC
เป็นการทั่วไปจากผู้ถือหุ้น SSEC รายอื่น ๆ
ด้วย ซึ่งการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวธนาคารจะแจ้งกำหนดการให้ทราบต่อไป
บทวิเคราะห์
: ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะลดสัดส่วนการลงทุนของธนาคารในบริษัทเงินทุน
สนอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (“SICCO”) จากที่ถืออยู่จำนวน
230,883,188 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 38.65 ของจำนวนหุ้น SICCO ที่ได้จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดลง ธนาคารเข้าซื้อกิจการของ SICCO ด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SICCO เป็นการทั่วไป
เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ SICCO ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นทั้งของธนาคารและ
SICCO
ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2554
ได้มีมติอนุมัติการดำเนินการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดังนี้
1)
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของธนาคารลงมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการของ SICCO
ด้วยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ SICCO เป็นการทั่วไป เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ SICCO ออกจากการเป็น
หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 84.4413
2) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ SICCO
ลงมติอนุมัติให้เพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 78.9820
ความคิดเห็น
: จากการที่ธนาคารไทยพาณิชย์เข้าซื้อกิจการของSICCO ซึ่งได้มีมติอนุมัติการดำเนินการต่างๆเป็นที่เรียนร้อยแล้ว
เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ SICCO ออกจากหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และดำเนินการเลิกกิจการ
คืนใบอนุญาติการประกอบธุรกิจเงินทุนของSICCO ทางธนาคารอาจเล็งเห็นว่ากิจการของSICCO
ไม่สามาถบริหารหรือทำกำไรต่อไปได้
จึงเข้าซื้อกิจการเเละเพิกถอนใบอนุญาติ ซึ่งเป็นความต้องการของธนาคาร
และมติเป็นเอกฉันท์
เป็นผลดีต่อธนาคารเองเพื่อบริหารจัดการให้กิจการและสัดส่วนการลงทุนดำเนินต่อไปเป็นประโยชน์ต่อกิจการของธนาคารเอง
และทางธนาคารเองก็มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของSICCO และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับSICCO
ซึ่งก็ดำเนินกิจการตามจรรยาบรรณของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ว่า
กรรมการผู้บริหารและพนักงานทุกคนจะมุ่งมั่นที่จะดำเนินการและยึดถือในหลักการตามข้อ
2. ผู้ถือหุ้น
ธนาคารมุ่งให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
โดยดำเนินการให้มีผลประกอบการที่ดีเลิศ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีระบบการควบคุม
และตรวจสอบภายในรวมทั้งระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
8. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์
ธนาคารจัดให้มีการควบคุมดูแล
และป้องกันเกี่ยวกับรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือรายการที่เกี่ยวโยงกัน
หรือรายการระหว่างกันที่ไม่เหมาะสม โดยกำหนดนโยบาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ
กระบวนการในการพิจารณา และอนุมัติรายการ พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลและอนุมัติรายการ ที่เกี่ยวโยงกันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หน่วยงานต่างๆ
ที่กำกับดูแลธนาคาร
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
หมวด
1
กรณีที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
และหลักทรัพย์ที่ต้องรับซื้อ
____________
ข้อ
3
บุคคลใดซื้อหรือกระทำการอื่นใดอันเป็นผลให้ตนได้มาซึ่งหุ้นหรือเป็น
ผู้ถือหุ้นของกิจการใด
ณ สิ้นวันใดวันหนึ่ง ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งตามที่กำหนดในข้อ 4
ข้อ
5 หรือข้อ 6
บุคคลนั้นต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการนั้น ตามหลักเกณฑ์
ที่กำหนดในประกาศนี้ เว้นแต่จะเข้ากรณีที่ได้รับยกเว้นตามหมวด 2
ข้อ
4
บุคคลใดซื้อหรือกระทำการอื่นใดอันเป็นผลให้ตนได้มาซึ่งหุ้นหรือ
เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการใด
ณ สิ้นวันใดวันหนึ่งเพิ่มขึ้นจนถึงหรือข้ามจุดดังต่อไปนี้ บุคคลนั้น
ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
(1)
ร้อยละยี่สิบห้าของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
(2) ร้อยละห้าสิบของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
(3) ร้อยละเจ็ดสิบห้าของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ในกรณีที่กิจการมีการซื้อหุ้นคืน
และยังมิได้จำหน่ายหรือตัดหุ้นที่ซื้อคืนมานั้น
ออกจากหุ้นจดทะเบียนชำระแล้ว ในการคำนวณสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
ให้หักสิทธิออกเสียง
ของหุ้นที่กิจการซื้อคืนและยังคงค้างอยู่
ณ วันสิ้นเดือนของเดือนก่อนเดือนที่มีการได้มาในครั้งนั้น
ออกจากฐานในการคำนวณ
ข้อ
5 ในกรณีที่กิจการมีการซื้อหุ้นคืน
และเป็นผลให้บุคคลใดเป็นผู้ถือหุ้นใน
กิจการนั้นเพิ่มขึ้นจนถึงหรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อตามข้อ
4 บุคคลดังกล่าวต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
หากในเวลาต่อมาบุคคลนั้นได้มาซึ่งหุ้นของกิจการเพิ่มขึ้นอีกไม่ว่า
ในจำนวนใด
ๆ โดยเป็นการได้มาเพิ่มขึ้นในขณะที่และยังคงเป็นผลให้บุคคลนั้นเป็นผู้ถือหุ้น
ของกิจการข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อ
ข้อ
6
บุคคลใดเข้ามามีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้น
ของกิจการอยู่ก่อนแล้ว
(chain
principle) ไม่ว่าการมีอำนาจควบคุมนั้นจะเกิดขึ้นโดยทางตรง
หรือโดยทางอ้อมผ่านการถือหุ้นหรือการควบคุมในนิติบุคคลอื่นเป็นทอด
ๆ จนถึงนิติบุคคล
ที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการ
บุคคลนั้นต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการหากเข้า
ลักษณะดังต่อไปนี้
(1)
การเข้ามามีอำนาจควบคุมในนิติบุคคลดังกล่าวทำให้เมื่อนับรวมจำนวนหุ้น
ที่ถือโดยบุคคลดังกล่าว
นิติบุคคลในทุกทอดตลอดสายจนถึงนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการ
และบุคคลตามมาตรา 258 ของบุคคลเหล่านั้นแล้ว มีจำนวนถึงหรือข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อตามข้อ
4
(2)
การเข้ามามีอำนาจควบคุมในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการนั้น
ให้รวมถึง
(ก)
การถือหุ้นและมีสิทธิออกเสียงตั้งแต่ร้อยละห้าสิบขึ้นไปของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการ
(ในกรณีที่เป็นอำนาจควบคุมทางตรง) หรือของ
นิติบุคคลที่ถูกถือหุ้นต่อกันในแต่ละทอดทุกทอดตลอดสายจนถึงนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการ
(ในกรณีที่เป็นอำนาจควบคุมทางอ้อม)
หรือ
(ข)
การส่งบุคคลหรือมีพฤติกรรมในการส่งบุคคลเข้าเป็นกรรมการในจำนวน
ที่มีนัยสำคัญเพื่อควบคุมการบริหารงานหรือการดำเนินงานของนิติบุคคลหรือของกิจการ
เพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง
ให้นับรวมจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ออกโดยกิจการและ
ถือโดยบุคคลตามวรรคหนึ่ง
นิติบุคคลในทุกทอด (ถ้ามี) จนถึงนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการ
และบุคคลตามมาตรา
258 ของบุคคลเหล่านั้น
เป็นหุ้นของบุคคลในกลุ่มเดียวกัน ตลอดระยะเวลา
ที่บุคคลดังกล่าวยังคงมีอำนาจควบคุมในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการ
ที่มา
: http://www.ryt9.com/s/prg/1182794
วิเคราะห์โดย
: พิมพ์ชนก คันธา 5911011804094
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น