“SAWAD” พลิกสินเชื่อห้องแถว ลุย “สถาบันการเงินทางเลือก”

SAWAD” พลิกสินเชื่อห้องแถว ลุย “สถาบันการเงินทางเลือก”



การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ “กลุ่มศรีสวัสดิ์” ในรูปแบบโฮลดิ้งคอมปะนีและจัดตั้งกลุ่มธุรกิจการเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกระดับจากสินเชื่อห้องแถวหรือ “ร้านสะดวกซื้อทางการเงิน” เป็น “สถาบันการเงินทางเลือก” แบบครบวงจร สะท้อนการแข่งขันที่ร้อนแรงในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยและมูลค่าเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปรียบเทียบว่า ถ้าดูตัวเลขจำนวนรถยนต์ทุกประเภทที่จดทะเบียนในประเทศไทยทั้งหมดกว่า 36 ล้านคัน แต่มีรถยนต์ที่ทำสัญญาเงินกู้กับเราแค่ 4 แสนกว่าคัน นั่นหมายถึงโอกาสการขยายตลาดอีกหลายเท่าตัว ทั้งนี้ ระยะเวลากว่า 38 ปี นับตั้งแต่ ฉัตรชัย แก้วบุตตา ตัดสินใจเปิดธุรกิจปล่อยเงินกู้ด้วยวิธีจำนำทะเบียนรถเป็นหลักประกัน เริ่มจาก “บริษัท ศรีสวัสดิ์ เพชรบูรณ์” ให้บริการสินเชื่อในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้วิธีเดินสายไปยังพื้นที่ชุมชนต่างๆ ตั้งสำนักงานห้องแถวเจาะถึงกลุ่มลูกค้า อาศัยจุดขายเรื่องการจัดระบบการให้สินเชื่อ มีหลักฐานสัญญาชัดเจน และกลยุทธ์สำคัญ คือ เจรจาผ่อนผันการชำระได้
เพียงไม่กี่ปี ศรีสวัสดิ์เติบโตอย่างรวดเร็วและปูพรมสาขาทั่วประเทศ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่ผู้เล่นรายใหญ่และกลุ่มแบงก์พาณิชย์แห่เข้ามาช่วงชิงตลาด “สินเชื่อรถแลกเงิน” บวกกับเจอวิกฤตการณ์ทางการเงินหลายครั้ง ทำให้ฉัตรชัยต้องปรับโครงสร้างธุรกิจหลายรอบ พร้อมๆ กับดึงลูกสาว 2 คน คือ ดวงใจและธิดา แก้วบุตตา เข้ามารับไม้ต่อลุยธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ล่าสุด กลุ่มศรีสวัสดิ์ยกเครื่องและวางแผนการใหญ่อีกครั้ง หลังเทกโอเวอร์กิจการบริษัทเงินทุน (บง.) กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) หรือ “บีฟิท” โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัทโฮลดิ้ง ชื่อ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และใช้ชื่อย่อหุ้น SAWAD ในการซื้อขายในตลาดหุ้นเช่นเดิม ภายใต้อาณาจักร “SAWAD” มีบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เงินสดทันใจ จํากัด ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันและนาโนไฟแนนซ์, บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอสดับบลิวพี จํากัด บริการรับจ้างติดตามหนี้และรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินมาบริหาร, บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนลโฮลดิ้ง จํากัด ดําเนินธุรกิจลงทุนในกิจการอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ, บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จํากัด ให้บริการรับจ้างตรวจสอบ ติดตามและเร่งรัดหนี้สิน และ บง.ศรีสวัสดิ์ ซึ่งเปลี่ยนชื่อจาก “บีฟิท” โดยอยู่ระหว่างขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจัดตั้งกลุ่มธุรกิจการเงินเป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ที่ให้เงินกู้แก่คนในชุมชนที่ต้องการใช้เงินด่วนภายใต้การกำกับของ ธปท.
นอกจากนี้ ยังมี บริษัท เอสดับบลิวพี เซอร์วิสเซส จํากัด ให้บริการด้านการบริหารจัดการและที่ปรึกษา ด้านการจัดการระบบสินเชื่อรายย่อยและการผ่อนชําระให้บริษัทอื่นในประเทศกลุ่มอาเซียน โดยก่อนหน้านี้จัดตั้งบริษัทสาขาในเวียดนามและลาว รวมทั้งเตรียมรุกตลาดเปิดบริษัทสาขาในเมียนมาร์และอินโดนีเซีย ธิดากล่าวว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จํากัด จะรับโอนสินทรัพย์ไมโครไฟแนนซ์ทั้งหมด จาก SAWAD ไปดำเนินการ ส่วนบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันและนาโนไฟแนนซ์ ขณะที่ บง.ศรีสวัสดิ์ ซึ่งจะเป็นตัวจักรสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการขยายสินเชื่อใหม่ ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้ารายย่อย อาชีพอิสระที่มีความต้องการใช้เงินด่วน แต่ธนาคารพาณิชย์ไม่อนุมัติปล่อยกู้ หรือกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องการเงินหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางที่อยู่ระหว่างรอธนาคารพาณิชย์อนุมัติสินเชื่อที่ต้องการสภาพคล่องไปขยายธุรกิจ และยังมีสินเชื่ออเนกประสงค์ สำหรับคนในชุมชนเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน หรือสินเชื่อส่วนบุคคล
ขณะเดียวกัน มีบริการรับฝากเงินในรูปแบบตั๋วเงินฝาก โดยเวลานี้เปิดรับฝากเงินเพียงแห่งเดียว ณ สำนักงานของ บง.ศรีสวัสดิ์ ถนนสาทร และอยู่ระหว่างรอ ธปท. อนุมัติออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบเงินฝากระยะยาว รูปแบบ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน เน้นเจาะกลุ่มคนมีรายได้ระดับสูง เนื่องจากกำหนดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 6 เดือน เฉลี่ยขั้นต่ำ 1.45% สำหรับบุคคลธรรมดาและ 1.35% สำหรับนิติบุคคล ถ้าเงินฝากมากกว่า 10ล้านบาทขึ้นไป ดอกเบี้ยเฉลี่ยขั้นต่ำ1.55% สำหรับบุคคลธรรมดาและ1.45% สำหรับนิติบุคคล ขณะที่ดอกเบี้ย 16-18เดือนเฉลี่ยขั้นต่ำ 1.70%
“หลังเงินทุนศรีสวัสดิ์เป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้ขยายตัวร้อยละ 20-30 แม้ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวถึง 50% เพราะเราตั้งเป้าแบบ Conservative ระมัดระวังในเรื่องการปล่อยสินเชื่อ อย่างปีก่อน บริษัทตั้งเป้า 20-30% แต่สามารถเติบโตถึง 50% เนื่องจากตลาดมีความต้องการเงินด่วนสูงมาก หรือมียอดสินเชื่อใหม่ 18,000 ล้านบาท จากยอดลูกค้าราว 400,000 ราย ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 20,000-25,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าเป็น 2-3 ล้านรายภายใน 2-3 ปี รวมทั้งวางแผนขยายสาขาเพิ่มจาก 2,300 สาขา เป็น 3,500 สาขา ภายใน 3-5 ปี เรียกว่า มีสาขาอยู่ข้างๆ บ้านลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเกือบทุกพื้นที่”
บทวิเคราะห์ : "กลุ่มศรีสวัสดิ์" มีแผนที่จะปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ที่จะยกระดับจากร้านสะดวกซื้อทางการเงินให้เป็นสถาบันการเงินทางเลือกแบบครบวงจร โดยการปรับโครงสร้างองค์การในครั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย การที่กลุ่มศรีสวัสดิ์จะปรับโครงสร้างองค์กรนั้น เนื่องจากทางบริษัทเห็นว่า จำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในประเทศมีจำนวนที่เยอะมาก เมื่อเทียบกับจำนวนรถที่มาทำสัญญากับบริษัท ทางบริษัทจึงเห็นว่า เป็นโอกาสในการขยายตัวของกิจกรได้อีกหลายเท่า
ความคิดเห็น : จากข่าวการปรับโครงสร้างของกลุ่มศรีสวััสดิ์ซึ่งจะมีการขยายกิจการไปในต่างประเทศ หรือจะเป็นการเทคโอเวอร์บริษัทอื่น หรือหรือจะเป็นการเปิดบริษัทในเครือก็ตาม ก็จะทำให้บริษัทจะต้องมีกลยุทธิ์ในการปรับโครงสร้าง เพื่อให้เป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และไม่ผิดจรรยาบรรณของบริษัท และบริษัทก็จะต้องตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง : กลยุทธิ์และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจของบรืษัทศรีสวัสดิ์
บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการภายใต้หลักการที่ยึดมั่นขององค์กร (Core Value) 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1.1. ความซื่อสัตย์ (Integrity)
บริษัทและพนักงานทุกระดับชั้นยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ความมีคุณธรรม และความโปร่งใส
1.2. ความรับผิดชอบ (Accountability)
บริษัทยึดมั่นต่อข้อตกลง และรับผิดชอบต่อการดำเนินการทุกประการของตน
1.3. การทำงานเป็นทีม ( Teamwork)
บริษัทให้คุณค่ากับการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายและตระหนักดีว่า การทำงานร่วมกันจะทำให้บริษัทมีความ
กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน จะมุ่งมั่นที่จะดำเนินการและยึดถือในหลักการต่อไปนี้
2.1. ลูกค้า
บริษัทมุ่งให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และความพึงพอใจอย่างเหมาะสม โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี อย่างมีคุณภาพ ให้บริการด้วยความเป็นธรรม รวมทั้งดูแลรักษาข้อมูลต่างๆของลูกค้าไว้เป็นความลับ
2.2. ผู้ถือหุ้น
บริษัทมุ่งให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยดำเนินการให้มีผลประกอบการที่ดีเลิศ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมีระบบการควบคุม และตรวจสอบภายในรวมทั้งระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
2.3. พนักงาน
บริษัทสรรหาและรักษาพนักงานที่มีความสามารถในการปฏิบัติงาน รวมทั้งมุ่งพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมพนักงานให้มีโอกาส ในความก้าวหน้า และความมั่นคงในอาชีพ
2.4. พันธมิตรและคู่แข่งทางการค้า
บริษัทปฏิบัติต่อพันธมิตร และคู่แข่งทางการค้าอย่างเป็นธรรม และรักษาความลับภายใต้หลักเกณฑ์ และ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่แสวงหาข้อมูลของพันธมิตรและคู่แข่งทางการค้า อย่างไม่สุจริตและไม่เป็น ธรรม
2.5. เจ้าหนี้และคู่ค้า
บริษัทยึดมั่นในความซื่อสัตย์ต่อการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ต่อเจ้าหนี้และคู่ค้าทุกประเภท โดยอยู่ภายใต้ เงื่อนไข รวมทั้งหลักเกณฑ์และกฎหมายที่กำหนด
2.6. สังคม
บริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และระมัดระวังในการพิจารณาดำเนินการ ใดๆ ในเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของสาธารณชน ( Public Interest) นอกจากนี้บริษัทมุ่งดำเนินการ และให้ การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมโดยรวมอย่างสม่ำเสมอ
2.7. สิ่งแวดล้อม
บริษัทมุ่งปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ดูแลด้านความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมของ บริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบใดๆ กับชุมชนใกล้เคียง และส่งเสริมพนักงานให้มีจิตสำนึก และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
2.8. ความขัดแย้งทางผลประโยชน์
บริษัทจัดให้มีการควบคุมดูแล และป้องกันเกี่ยวกับรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือรายการ ที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการระหว่างกันที่ไม่เหมาะสม โดยกำหนดนโยบาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ กระบวนการใน การพิจารณา และอนุมัติรายการ พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลและอนุมัติรายการที่เกี่ยวโยงกันให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์หน่วยงานต่างๆ ที่กำกับดูแลบริษัท
2.9. การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
บริษัทมุ่งเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของบริษัทต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุน และสาธารณชนทั่วไปอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทั่วถึงและทันกาล รวมทั้งเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.10. การกำกับดูแลกิจการ
บริษัทยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ที่กำหนดโดยหน่วยงานทางการที่ควบคุมดูแล บริษัทในฐานะสถาบันการเงิน และบริษัทจดทะเบียน และสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสีย ในการมุ่ง พัฒนางานกำกับดูแลกิจการของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อประโยชน์ และสร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
ที่มา : http://gotomanager.com/content
วิเคราะห์โดย : นางสาวสัณห์ฤทัย นิ่มนวลงาม 5911011804091

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปิดฉากความขัดแย้ง! "เงินติดล้อ" ฟ้อง "ศรีสวัสดิ์"

“SAWAD” พลิกสินเชื่อห้องแถว ลุย “สถาบันการเงินทางเลือก”

BFIT จะเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับศรีสวัสดิ์ 2014 เป็นเวลา 2 ปี มูลค่า 1.89 พันลบ.