บริษัทเงินทุน
ธนชาติ คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทุนธนชาต จำกัด
(มหาชน)
บริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน)
คืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุน ต่อ กระทรวงการคลัง พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
ทำหน้าที่เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินครบวงจร (Financial
Holding Company) ดูแลนโยบายการประกอบธุรกิจของกลุ่มธนชาต
โดยจะใช้ธนาคารธนชาต เป็นช่องทางหลักในการให้บริการผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ
ของกลุ่มธนชาต ตั้งเป้าภายในปี 2551 ธนาคารจะมีสาขาประมาณ 250-300 สาขา
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้ บริษัทเงินทุน ธนชาติ และธนาคารธนชาต
ยื่นเสนอแผนงานการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจของกลุ่มธนชาต
ตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ (One Presence) ของแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ต่อกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้กลุ่มธนชาตดำเนินการตามแผนงานที่นำเสนอได้
ซึ่งกลุ่มธนชาตได้โอนธุรกิจเงินฝากและธุรกิจสินเชื่อจากบริษัทเงินทุน ธนชาติ
ไปยังธนาคารธนชาต เสร็จเรียบร้อยแล้ว
โดยธนาคารธนชาต จะเป็นสถาบันการเงินที่รับเงินฝากจากประชาชนเพียงแห่งเดียวของ กลุ่มธนชาต และบริษัทเงินทุน ธนชาติ
ได้คืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุนต่อกระทรวง การคลัง ในวันที่ 31
มีนาคม 2549
พร้อมทำการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อ ต่อกระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 3 เมษายน 2549
โดยชื่อที่ใช้ภายหลังการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติ
ให้ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)” ชื่อย่อภาษาไทย
“บมจ.ทุนธนชาต” ส่วนชื่อภาษาอังกฤษ ใช้ว่า “ Thanachart Capital
Public Company Limited” และชื่อย่อว่า “TCAP” ทั้งนี้ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) จะเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน
ครบวงจร (Financial Holding Company) ดูแลนโยบายการประกอบธุรกิจของกลุ่มธนชาต การบริหารจัดการในภาพรวมของกลุ่มฯ
ตลอดจนให้การสนับสนุนการประกอบธุรกิจต่างๆ ของบริษัทในกลุ่มฯ
นายศุภเดช กล่าวว่า
สำหรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธนชาตในอนาคต
กลุ่มธนชาตจะเดินไปข้างหน้าและจะรุกธุรกิจอย่างเต็มที่
พร้อมสร้างความเติบโตในแต่ละธุรกิจที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน โดยจะใช้ธนาคารธนชาต
เป็นช่องทางหลักในการให้บริการผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของกลุ่มธนชาต โดยในปี
2549 นี้ ธนาคารธนชาต ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดสาขาประมาณ 100 สาขา และคาดว่าภายในปี
2551 ธนาคารจะมีสาขาประมาณ 250-300 สาขา
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ
ชื่อเดิม
“บริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน)” คำว่า “ชาติ” มีสระ “อิ”
ชื่อใหม่
“บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)” คำว่า “ชาต” ไม่มีสระ “อิ”
และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ชื่อของบริษัทในกลุ่มธนชาต ทุกบริษัท คำว่า “ชาต” ไม่มีสระ “อิ”
บทวิเคราะห์
: จากข่าวที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าบริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน)
คืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุน ต่อ กระทรวงการคลัง พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
ทำหน้าที่เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินครบวงจร
แต่อย่างไรก็ตามการประกอบธุรกิจก็จะต้องมีจรรยาบรรณของผู้ประกอบธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ
คือ มีความซื่อสัตย์สุจริตมีความรับผิดชอบ
ขยันหมั่นเพียรและมีวินัย มีความรับผิดชอบและรักษาทรัพย์สินของกิจการ
ด้วยการใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดูแลรักษาไม่ให้สูญหายและไม่นำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ประพฤติและปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม ไม่ปฏิบัติตนให้มีผลกระทบต่อนายจ้าง
ไม่ประพฤติและปฏิบัติสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ของนายจ้าง ด้วยการกระทำตนเป็นคู่แข่งขันในเชิงธุรกิจการรับผลประโยชน์และเกี่ยวข้องทางการเงินกับคู่แข่งขันของนายจ้าง
ซึ่งมีผลทำให้เกิดความได้เปรียบและเสียเปรียบในเชิงธุรกิจกับคู่แข่งขัน
และไม่ทำงานให้บุคคลอื่น
ต้องมีความจงรักภักดีเต็มใจทำงานให้นายจ้างอย่างเต็มความสามารถ ยกเว้นได้รับการอนุญาตจากนายจ้างก่อนซึ่งต้องไม่เป็นอุปสรรคต่องานประจำ
เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ
และเดินไปข้างหน้าและจะรุกธุรกิจอย่างเต็มที่ พร้อมสร้างความเติบโตในแต่ละธุรกิจ
ความคิดเห็น
: สำหรับการที่บริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน) คืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุน
ต่อ กระทรวงการคลัง พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
ทำหน้าที่เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินครบวงจร (Financial
Holding Company) ดูแลนโยบายการประกอบธุรกิจของกลุ่มธนชาต
โดยจะใช้ธนาคารธนชาต เป็นช่องทางหลักในการให้บริการผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ
ของกลุ่มธนชาต
เพื่อสร้างความเติบโตในแต่ละธุรกิจที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันและได้มีการตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดสาขาประมาณ
100 สาขา และคาดว่าภายในปี 2551 ธนาคารจะมีสาขาประมาณ 250-300 สาขา
ซึ่งแสดงให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพ การมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อให้ธุรกิจของเขานั้นบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางไว้
และเจริญเติบเติบไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
: พระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์
และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒
หมวด
๑ การจัดตั้งบริษัทและการขอรับใบอนุญาต
มาตรา ๘ การประกอบธุรกิจเงินทุน
หรือการประกอบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์จะ
กระทำได้ต่อเมื่อได้จัดตั้งในรูปบริษัทมหาชนจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด
และโดยได้รับ ใบอนุญาตจากรัฐมนตรี
การจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด
หรือบริษัทจำกัด ตามวรรคหนึ่งและวรรคสองจะดำเนินการ
ได้ต่อเมื่อได้รับเห็นชอบจากรัฐมนตรีในการให้ความเห็นชอบ
รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้
การควบบริษัทเข้ากันให้ถือว่าเป็นการจัดตั้งบริษัทจำกัด
การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ และ เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๙ ในการออกใบอนุญาตตามมาตรา ๘
รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้เงื่อนไขที่กำหนดในวรรคหนึ่ง
เมื่อรัฐมนตรีเห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยหรือ ผาสุกของประชาชน
รัฐมนตรีจะแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมก็ได้และจะกำหนดให้เงื่อนไขที่แก้ไข
เปลี่ยนแปลง
หรือเพิ่มเติมนั้นมีผลบังคับเมื่อระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่งได้ล่วงพ้นไปแล้วก็ได้ทั้งนี้เมื่อ
ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๑๐
บริษัทอาจมีสำนักงานสาขาได้แต่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี
การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีกำหนด
ในการอนุญาต รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ก็ได้
มาตรา ๑๐ ทวิ๒๑
ผู้ใดจะกระทำการแทนบริษัทซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศโดย
มีสำนักงานติดต่อกับบุคคลทั่วไปในราชอาณาจักร ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
ในการ อนุญาตนั้นจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ไว้ด้วยก็ได
ที่มา
: http://www.thaipr.net/general/102077
วิเคราะห์โดย
: จุฑามาศ บุญรอด 5911011804081
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น