BFIT จะเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับศรีสวัสดิ์ 2014 เป็นเวลา 2 ปี มูลค่า 1.89 พันลบ.

BFIT จะเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับศรีสวัสดิ์ 2014 เป็นเวลา 2 ปี มูลค่า 1.89 พันลบ.

บง.ศรีสวัสดิ์ (BFIT) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด (ศรีสวัสดิ์ 2014) เพื่อรับบริการบริหารจัดการสินเชื่อแบบมีหลักประกันในด้านต่าง ๆ จากศรีสวัสดิ์ 2014 เพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันของบริษัท ซึ่งจะครอบคลุมการให้บริการสินเชื่อที่สำคัญ ได้แก่ งานบริการด้านสินเชื่อ งานบริการรับชำระหนี้ และงานบริการจัดการหนี้
สัญญาบริหารจัดการสินเชื่อดังกล่าว ครอบคลุมระยะเวลาให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.60 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.62 รวมทั้งสิ้น 2 ปี คิดเป็นมูลค่าของสัญญาบริการ 1.89 พันล้านบาท ทั้งนี้ กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ในวันที่ 31 ต.ค.เพื่อพิจารณาเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อดังกล่าว
BFIT ระบุว่า ตามที่ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ได้เข้ามาถือหุ้น 36.35% ในบริษัท อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารเพื่อดำเนินการขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดตั้งกลุ่มธุรกิจทางการเงิน โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/61 เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่มของธปท. บริษัท และ SAWAD จะร่วมกันดำเนินการปรับโครงสร้างการประกอบธุรกิจภายในกลุ่มบริษัท เพื่อให้โครงสร้างการดำเนินงานเกิดความชัดเจน ขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทในอนาคต
นการนี้บริษัทจะขยายธุรกิจสินเชื่อจากเดิมที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแก่กลุ่มพนักงานบริษัทเป็นหลัก มาสู่การให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกันแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small SME) และบุคคลรายย่อย เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย จากการที่ภาครัฐมีแผนขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปยังชุมชนในต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ความต้องการสินเชื่อรายย่อยโดยรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งธุรกิจดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับธุรกิจที่ศรีสวัสดิ์ 2014 ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดีเพื่อให้โครงสร้างการดำเนินงานเกิดความชัดเจนและขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ บริษัท และศรีสวัสดิ์ 2014 จะดำเนินธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันในประเภทที่ไม่ทับซ้อนกัน โดยลักษณะการประกอบธุรกิจหลังการจัดตั้งกลุ่มธุรกิจทางการเงินแล้ว BFIT จะประกอบธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันสำหรับประเภทสัญญาเงินกู้ยืม ซึ่งครอบคลุมทุกประเภทหลักประกันตั้งแต่รถจักรยานยนต์ รถยนต์ 4 ล้อ รถบรรทุก และรถเพื่อการเกษตร และสินเชื่อแบบมีหลักประกันประเภทบ้านและที่ดิน ที่มีจำนวนเงินกู้ยืมไม่เกิน 10 ล้านบาท/ราย
ส่วนศรีสวัสดิ์ 2014 จะประกอบธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันสำหรับประเภทสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งครอบคลุมทุกประเภทหลักประกัน ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ รถยนต์ 4 ล้อ รถบรรทุก และรถเพื่อการเกษตร และสินเชื่อแบบมีหลักประกันประเภทบ้านและที่ดิน ที่มีจำนวนเงินกู้ยืมเกิน 10 ล้านบาท/ราย

บทวิเคราะห์ : ในวันที่ 19 กันยายน 2560 บง.ศรีสวัสดิ์ ได้มีการประชุมคณะกรรมการเกี่ยวกับการอนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด เพื่อให้บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด สนับสนุนแผนการขยายธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันของ บง.ศรีสวัสดิ์ โดยในสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อจะครอบคลุมระยะเวลาให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.60 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.62 รวมทั้งสิ้น 2 ปี คิดเป็นมูลค่าของสัญญาบริการ 1.89 พันล้านบาท และจากการที่ บง.ศรีสวัสดิ์ ได้เข้าทำสัญญาดังกล่าวก็เพื่อที่จะมีแผนขยายธุรกิจสินเชื่อจากเดิมที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแก่กลุ่มพนักงานเป็นหลักมาสู่การให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกันแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small SME) และบุคคลรายย่อย เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย
ความคิดเห็น : จากแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว บริษัทควรที่จะจัดหาบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจทำการตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถรองรับระบบการให้บริการสินเชื่อเพื่อรายย่อยได้ ในขณะเดียวกันเนื่องจากทางบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์  ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจ มีเครือข่ายสาขากระจายอยู่เกือบทั่วทุกชุมชนของประเทศ และมีความรู้และความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ของบริษัท ก็น่าจะสร้างความแข็งแกร่งของบริการทางการเงินของกลุ่มธุรกิจทางการเงินศรีสวัสดิ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง : สารสนเทศเกี่ยวกับการเข้าทำสัญญาการบริหารจัดการสินเชื่อของ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน)
เงื่อนไขการทำรายการ
การเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับศรีสวัสดิ์ 2014 ในครั้งนี้ถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียนตามประกาศรายการเกี่ยวโยง บริษัทจึงมีหน้าที่ต้องเปิดเผยสารสนเทศการทำรายการดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มา ประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย นอกจากนี้บริษัทต้องจัดให้มีที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับความสมเหตสุมผลของรายการ และความเป็นธรรมของอัตราค่าบริการและเงื่อนไขของรายการต่อผู้ถือหุ้นเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติการทำรายการดังกล่าว โดยบริษัทต้องจัดส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมกับความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นระยะเวลาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 14 วัน ก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 ในวันจันทร์ที่ 19 กมุภาพันธ์ 2561 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการทำรายการตอ่ไป

ที่มา : http://www.ryt9.com/s/iq10/2712511
วิเคราะห์โดย : นางสาวสัณห์ฤทัย นิ่มนวลงาม 5911011804091

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปิดฉากความขัดแย้ง! "เงินติดล้อ" ฟ้อง "ศรีสวัสดิ์"

“SAWAD” พลิกสินเชื่อห้องแถว ลุย “สถาบันการเงินทางเลือก”

BFIT จะเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับศรีสวัสดิ์ 2014 เป็นเวลา 2 ปี มูลค่า 1.89 พันลบ.